ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีกำจัดขนสำหรับสาวๆ

วิธีกำจัดขน สำหรับสาวๆที่มีปัญหาเรื่องขนๆ


ส่วนเกินอย่างหนึ่งบนผิวพรรณของเรานั่นก็คือ ขน ถ้าหากมีน้อยก็คงไม่เป็นปัญหา แต่หากมีมากก็ทำให้เจ้าของกังวลจนขาดความมั่นใจได้ ก็แหม ใครจะอยากมีขนยุ่บยั่บ ใส่เสื้อแขนสั้น กระโปรงหรือกางเกงขาสั้น แล้วขนบนร่างกายเด่นเกินใบหน้าล่ะ ว่าไหม ขนในร่างกายไม่ว่าจะเป็นขนขา แขน รักแร้ หรือขนในที่ลับล้วนถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นมาด้วยฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ถึงแม้ว่าฮอร์โมนนี้จะเป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่ก็มีในผู้หญิงและเป็นสาเหตุให้ขนดกด้วยเช่นกัน แต่หากขนเหล่านี้มีมากจนทำให้สุขภาพจิตเสีย เราก็ควรหาทางกำจัดดีกว่า

วิธีการกำจัดขน

1. การถอนขนด้วยแหนบ วิธีง่ายๆที่ทำมานาน อุปกรณ์ก็หาง่ายใช้เพียงแหนบหนึ่งอัน แต่ผลที่ตามมาอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นแดง ช้ำ อักเสบ หลังถอนขนควรปล่อยให้ผิวบริเวณนั้นได้พักสัก 1 วัน หลังจากนั้นให้ทาครีมบำรุงเหมือนผิวบริเวณอื่น สามารถถอนขนด้วยวิธีนี้ได้ทุก 2-3 สัปดาห์ ต่อครั้ง


2. การถอนขนด้วยเส้นด้าย วิธีการนี้ได้รับความนิยมในประเทศจีนมานานเพื่อกำจัดขนบริเวณใบหน้า ปัจจุบันในประเทศไทยเราก็มี ซึ่งทำโดยผู้มีความชำนาญในการใช้เส้นด้ายสองเส้นพันรอบนิ้วมือและดึงขนออกทีละเส้น อาจทำให้รู้สึกเจ็บได้บ้างแต่รู้สึกเพียงเล็กน้อย เพราะผู้ทำใช้ความรวดเร็วขณะดึง ผู้ทำต้องมีความเชี่ยวชาญเพื่อที่จะไม่ต้องใช้เวลานาน

3. การโกนขน เป็นวิธีที่ใช้มานานและสะดวก ปัจจุบันมีครีมทาก่อนโกนขนเพื่อให้ขนอ่อนนิ่มโกนออกง่ายและลดความบอบช้ำของผิว ไม่ว่าจะเป็นขนรักแร้ ขนขา หรือแขน โดยการทาครีมลงไปก่อนโกน แต่อาจต้องทำบ่อยๆ โดยเฉพาะขนรักแร้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือขนขาสัปดาห์ละครั้ง แต่มีข้อเสีย คืออาจทิ้งรอยบาดแผล หรือการอักเสบจากใบมีดไว้ได้


4. การใช้เครื่องถอนขน วิธีนี้เราสามารถทำเองได้ถ้ามีเครื่องถอนขนไฟฟ้า เป็นวิธีที่สะดวก วิธีการทำโดยไถเครื่องกำจัดขนไปทั่วบริเวณที่ต้องการ แต่ผู้ทำอาจรู้สึกเจ็บจากการม้วนและดึงของเครื่องกำจัดขนด้วยไฟฟ้า หลังทำผิวบริเวณนั้นจะแดงและเจ็บอยู่หลายวัน เพื่อลดการอักเสบก่อนจะใช้เครื่องถอนขนอาจทาครีมที่ผลิตมาเพื่อลดการอักเสบก่อนถอนขน นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีครีมทาบำรุงหลังถอนขนก็ช่วยลดการอักเสบได้


5. การใช้ปูนแดงกำจัดขน สูตรนี้ใช้มาตั้งแต่โบราณ ปูนแดงมีฤทธิ์ทางร้อนและรัดผิวจึงช่วยกำจัดขนได้ วิธีการ คือ นำปูนแดงที่ใช้สำหรับเคี้ยวหมากมาผสมน้ำให้ข้นพอควร นำมาพอกบริเวณที่ต้องการกำจัดขนทิ้งไว้ พอแห้งให้เช็ดออกและถอนขนบริเวณนั้นได้เลย วิธีนี้จะช่วยให้ขนที่จะขึ้นใหม่ลดลง สีจางลง และขนอ่อนนิ่มขึ้น แต่หลังใช้ควรบำรุงผิวด้วยครีม หรือโลชั่นเพื่อลดอาการแสบตึงผิวให้ระมัดระวังในผู้ที่แพ้ปูนแดง หากระหว่างทาปูนแดงมีอาการแสบมากให้ล้างออกทันที

6. การแว็กซ์ขน เป็นอีกวิธีที่นิยมกันมานาน โดยใช้ครีมหรือเจลแว็กซ์ขนทายังบริเวณที่ต้องการแว็กซ์ไว้ตามเวลาที่ผลิตภัณฑ์แนะนำแล้วลอกออก วิธีนี้มีข้อเสีย คือ จะเจ็บมากหลังแว็กซ์ แต่การแว็กซ์ขนสามารถทิ้งระยะได้นานเป็นเดือน เพราะสามารถดึงขนออกถึงรากขน หากเป็นผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายแล้วระหว่างแว็กซ์มีอาการแสบผิวมากให้รีบล้างออกเพราะอาจแพ้สารเคมีในครีมแว็กซ์ขนได้


7. การใช้เจลสมุนไพรกำจัดขน ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีทั้งชนิดสมุนไพรแท้และสมุนไพรผสมสารเคมี วิธีการ คือ ทาเจลลงไปบริเวณที่ต้องการกำจัดขนทาทิ้งไว้ตามเวลาที่ผลิตภัณฑ์แนะนำ ไม่ให้เกินเวลา หลังจากนั้นเช็ดออก ขนจะหลุดออกมาด้วย วิธีนี้จะทำซ้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาจจะแสบผิวหลังใช้ผลิตภัณฑ์ได้ หากระหว่างทาครีมกำจัดขนแล้วมีอาการแสบผิวมากให้รีบล้างออก

8. การใช้ครีมกำจัดขน ปัจจุบันมีการคิดค้นครีมสำหรับกำจัดขนออกมา วิธีการค่อนข้างง่าย คือ ทาครีมไปที่บริเวณผิวที่ต้องการกำจัดขน ทาทิ้งไว้ตามเวลาที่ผลิตภัณฑ์แนะนำ ไม่ให้เกินกว่าที่กำหนด หลังจากนั้นเช็ดออก ขนส่วนเกินก็จะหลุดออกมาด้วย วิธีนี้สามารถทำซ้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ข้อเสีย คือ อาจทำให้แสบผิวหลังใช้ผลิตภัณฑ์ได้ หรือในบางรายอาจแพ้ทำให้เป็นผื่นแดง ก่อนใช้ครีมกำจัดขนครั้งแรกให้ทดลองทาที่ท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อทดสอบอาการแพ้

9. การกำจัดขนด้วยคลื่นวิทยุ วิธีนี้หลักการ คือ ใช้เข็มเล็กๆ สอดเข้าใต้รูขุมขนและจี้ด้วยคลื่นวิทยุเพื่อทำลายลึกถึงรากขน เหมาะกับขนที่มีสีอ่อน ข้อดีของวิธีนี้ คือ ระยะเวลาที่ขนงอกใหม่จะนานประมาณ 1-3 เดือน ขนที่งอกใหม่ลดลง ถ้าทำซ้ำ 2-3 ครั้ง ขนบริเวณนั้นจะหมดไป ข้อเสีย คือ ขณะทำจะรู้สึกเจ็บ และทิ้งรอยอักเสบไว้ 2-3 วัน หลังทำ 1 สัปดาห์ อาจมีผิวหนังลอกเป็นขุย

10. การใช้เลเซอร์กำจัดขน เป็นวิธีที่นิยมกันมากในผู้ที่มีขนเยอะจนทำให้ผิวบริเวณนั้นคล้ำ ขนมีลักษณะแข็งไม่สามารถกำจัดออกเองได้ การทำเลเซอร์ต้องทำโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อป้องกันอันตราย ปัจจุบันวิธีที่นิยมมี 3 วิธี

          10.1 IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือชนิดเดียวกับที่ใช้รักษารอยดำหรือรอยแดง โดย IPL นี้สามารถปรับคลื่นความถี่ได้หลายคลื่น สำหรับการกำจัดขนก็ใช้คลื่นความถี่ที่ต่างจากการกำจัดรอยดำรอยแดงโดยใช้คลื่นอยู่ที่ 590-1,200 นาโนเมตร (nm) ยิงคลื่นแสงเข้าไปบริเวณที่ต้องการกำจัดขน หลังยิงคลื่นเข้าไปเซลล์เม็ดสี (Melanin) ที่ชั้นใต้ผิวหนังบริเวณนั้นจะทำหน้าที่ดูดคลื่นแสงและเกิดความร้อนที่รากขนจนสามารถกำจัดขนตั้งแต่ชั้นรากขนได้ วิธีนี้อาจทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังได้ แต่เป็นเพียงการอักเสบเล็กน้อยหรือบวมแดง และหายไปได้เอง

          10.2 Diode Laser (Light sheer) เป็นเลเซอร์ที่มีความจำเพาะกับเม็ดสีให้ผลดีกว่า IPLใช้ได้ผลโดยเฉพาะขนที่มีสีอ่อน เลเซอร์ชนิดนี้ถูกออกแบบให้มีการเลือกช่วงความยาวคลื่นได้เช่นเดียวกับ IPL สำหรับการกำจัดขนถาวรใช้ช่วงคลื่นที่ 800 นาโนเมตร ยิงลงไปทำลายลึกถึงรากขน มีการพัฒนาให้มีความรู้สึกเจ็บปวดขณะทำลดลง และใช้เวลาในการทำน้อยลง จึงลดการอักเสบ วิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อไม่ให้เกิดรอยไหม้คล้ำของผิวบริเวณที่ยิงเลเซอร์

          10.3 Long pulse ND Yag เลเซอร์ชนิดนี้เหมาะกับชาวเอเชียที่มีผิวเหลืองเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้มีคลื่นความถี่สูง ใช้กำจัดขนถาวรที่ 1,064 นาโนเมตร ทำให้ยิงเลเซอร์ลงไปได้ลึกถึงชั้นรากขน กำจัดขนที่ยาวได้ดี หลังยิง Long pulse ND Yag จะไม่ทิ้งรอยคล้ำไว้เหมือน IPL แต่มีข้อจำกัดหากผู้ทำมีลักษณะขนสั้นและอ่อน อาจกำจัดออกไม่ได้ผล วิธีการนี้ก่อให้เกิดอาการเจ็บน้อย แต่การทำต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


     การกำจัดขนมีหลายวิธีให้เราเลือกใช้ แต่หากเราไม่มีขนมากจนทำให้ขาดความมั่นใจก็ไม่มีความจำเป็นต้องกำจัดขนให้เกิดการอักเสบที่ผิว แต่หากมีขนมากจนเป็นปัญหาก็เลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยกับเรามากที่สุด

สนใจกำจัดขนด้วยเลเซอร์ GentleYAG
สอบถามได้ที่

เนรมิตคลินิก สาขาหน้าศาลากลางโคราช
โทร. 044-341440 , 081-9557165

เนรมิตคลินิก สาขาหน้าเดอะมอลล์โคราช
โทร. 044-259440 , 081-7251152

Line : @neramitclinic

inbox สอบถามข้อมูลที่ m.me/neramitclinic

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.neramitclinic.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เสริมจมูกกับโหงวเฮ้ง

จมูก  ถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญของใบหน้าเพราะอยู่ตรงกึ่งกลางของใบหน้า เป็นส่วนที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับใบหน้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจมูกจึงเป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่นิยมทำเพื่อเสริมโหวงเฮงมากที่สุด โดยทางโหวงเฮงแล้วจมูกก็จะแบ่งย่อยออกไปหลายทรง แต่ส่วนใหญ่คือ นิยมทำเพื่อเสริมเรื่องเงิน ทอง  การเก็บเงิน รวมไปถึงการเสริมในเรื่องของจิตใจให้เป็นคนโอบอ้อมอารี ใจเย็น และมีสติ จมูกทรงหยดน้ ำ จะช่วยเสริมวาสนาให้ดีขึ้นเชื่อกันว่า จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยการเสริมปลายจมูกให้ยาวคล้ายหยดน้ำแต่จมูกทรงหยดน้ำ จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีรูปจมูกเดิมค่อนข้างยาว และมีเนื้อปลายจมูก จมูกปลายเชิด  ปลายจะเชิดให้ดูเฉี่ยวช่วยให้ใบหน้าดูคมขึ้น จมูกทรงนี้เสริมด้านโชคลาภรักษาทรัพย์ และสมบัติไม่รั่วไหล ทั้งนี้แพทย์จะทำการวิเคราะห์รูปทรงจมูกของเดิมว่าเนื้อปลายจมูกค่อนข้างมากหรือไม่ เพราะจมูกปลายเชิดเหมาะกับคนที่มีเนื้อปลาย หรือจมูกค่อนข้างบาน คุณหมอปุ๊ ของเราศึกษารอบด้านทั้งทางการแพทย์ ศิลปะ และความเชื่อ บูรณาการร่วมกัน ให้ได้ผลงานที่ดีสำหรับคนไข้ทุกคน ปรับโครงสร้างจมูก ให้สมด...

การลบรอยสักด้วยเลเซอร์

การลบรอยสักด้วยแสงเลเซอร์          "การลบรอยสักด้วยแสงเลเซอร์"          ในสมัยโบราณ การสักหรือที่เรียกว่าสักยันต์ จะสักเฉพาะในผู้ชาย โดยมีความเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์วิชาอาคมเป็นสำคัญ          แต่ในปัจจุบัน การสัก ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เป็นการสักเพื่อความสวยงามมากกว่าเน้นในเรื่องของไสยศาสตร์เหมือนในอดีต การสักในสมัยนี้จึงเป็นที่นิยมสักกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ยิ่งมีดารา นักร้อง นางแบบ นิยมสักเพื่อความสวยงามกันหลายคน จนกลายเป็นแฟชั่นไปอย่างหนึ่ง โดยมากการสักเพื่อความสวยงามมักจะสักในหลาย ๆ จุดเช่น ที่ปาก แก้ม ขอบตา เปลือกตา หัวไหล่ เนินอก แขน ขา ข้อเท้า หรือในที่อื่น ๆ ตามแต่เจ้าของร่างกายต้องการสัก          ความสวยงามของรอยสักเป็นแฟชั่นที่ทันสมัยในช่วงวัยหนึ่งแต่พอนาน ๆ ไป รอยสักที่เคยเห็นสวยงามนั้นอาจไม่สวยงามอีกแล้ว บางคนก็อาจจะเบื่อเจ้ารอยสักนั้น หรือบางคนรอยสักนั้นอาจเป็นอุปสรรคในการทำงาน จึงมีความคิดที่อยากจะกำจัดหรือลบรอยสักออกไปให้พ้นหน้าพ้นตาซะที แต่จะทำอย่างไรจึงจะ...

คนที่มีรอยสัก สามารถทำงานราชการได้ไหม?

อยากรู้ว่า…คนที่มีรอยสัก สามารถทำงานราชการได้ไหม? แล้วทำไมคนสัก ถึงรับงานราชการไม่ได้? ตอนนี้จะสอบราชการแล้ว แต่มีรอยสักที่หลัง เลยอยากรู้ว่า “สักแล้ว รับราชการได้ไหม?” และอีกหลายคำถามเกี่ยวกับรอยสัก… ก่อนอื่นต้องท้าวความไปก่อนว่า สมัยก่อนพวกสามัญชน(ไพร่)จะต้องมีการสักร่างกายตามกรมกองที่สังกัด ซึ่งเป็นการแสดงว่ามีเจ้านายที่ตนต้องรับใช้ แต่ข้อกำหนดนี้ยกเว้นว่าพวกเจ้าพวกลูกขุนนาง ผู้ดีมีตระกูลทั้งหลาย ไม่ต้องสักเพื่อแสดงสังกัดนี้ ดังนั้น การสักจึงเป็นสัญลักษณ์ของคนชั้นต่ำ ไพร่ หรือ ทาส ไม่ใช่สำหรับผู้ดีหรือเจ้านาย โรงเรียนนักเรียนนายร้อย ทหาร ตำรวจ จึงไม่รับพวกมีรอยสัก คนที่รับราชการคือคนที่จะมาเป็นนายของราษฎรจึงควรเป็นคนไม่มีรอยสัก คือต้องเป็นผู้ดีเท่านั้นที่สมควรเป็นเจ้าคนนายคน นอกจากนั้น ในสมัยก่อนคนที่เคยเข้าคุกเข้าตะรางจะสักร่างกายกัน พอออกมาทีนึงก็ได้รอยสักมาทีนึง ยิ่งบางคนที่เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ก็เลยมีลายสักเต็มตัว ค่านิยมการสัก จึงถูกมองว่าเป็นคนคุกมาก่อน จึงไม่เหมาะมาทำงานราชการ แต่สมัยนี้วัยรุ่นสักลายเพื่อความสวยงามตามร่างกาย ต่างจากเม...